เกิดอะไรขึ้นกับ “จ้าวเหว่ย” และวงการบันเทิงจีน

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา วงการบันเทิงจีนเกิดคลื่นระลอกแล้วระลอกเก่า ดาวที่เคยเจิดจรัสในวงการต้องดับสูญลงทีละดวง นับจากอู๋ยี่ฝาน (吴亦凡)หรือ Kris Wu ดาราจีนสัญชาติแคนาดาที่ถูกจับในคดีข่มขืน เจิ้งส่วง (郑爽)ที่ผิดซ้ำผิดซาก ความวัวเรื่องจ้างตั้งครรภ์แทนยังไม่ทันหาย ความควายเรื่องหลบเลี่ยงภาษีก็เข้ามา เลยโดนซิวไปอีก 299 ล้านหยวน นั่นยังพอเข้าใจได้ แต่กับ “องค์หญิงกำมะลอ” หรือฉายาล่าสุดว่า “บัฟเฟตต์สาว” ที่ไม่เคยมีข่าวทางลบทางสื่อเลย อยู่ ๆ ก็ถูก”ปิดล้อม”ทุกทาง เพราะผลงานของเธอถูกถอดออกจากทุกแพลตฟอร์มดัง ไม่ว่าจะเป็น Tencent, iQiyi เป็นต้น และชื่อของเธอก็หายไปจากเสิร์ชเอนจิ้น ทำให้ผู้คนต่างงงไปตาม ๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้นและก็คาดเดากันไปต่างๆนานา และคนแรกที่คิดถึงคือ “Jack Ma” มันจะต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าสัวหม่าแน่…

จ้าวเหว่ย (赵薇)กับสามีหวงโหยว่หลง (黄有龙)
จ้าวเหว่ย (赵薇)กับสามีหวงโหยว่หลง (黄有龙)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และสาเหตุความเป็นไปได้มีมากมาย เพราะเธอไม่ใช่เป็นเพียงแค่ดาราดังเท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักลงทุน มีสามีมหาเศรษฐีหวงโหยว่หลง (黄有龙)คนอู่ฮั่นแต่ถือสัญชาติสิงคโปร์ การเดินแบบในชุดเดรสที่พิมพ์ลายธงญี่ปุ่น เกี่ยวข้องกับแก๊งต้มตุ๋นและธุรกิจสีเทา ฯลฯ

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับจ้าวเหว่ย ย่อมไม่ใช้ปัญหาเพียงความเป็นดาราของเธออย่างแน่นอน หากมองย้อนไปเมื่อเร็วๆนี้ เรื่องการตรวจสอบ Ant Group และ Alibaba เป็นต้น ล้วนแต่มีส่วนเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น และเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ทางรัฐบาลจีนออกกฎหมายต้านการผูกขาด ซึ่งกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในอินเทอร์เน็ต และกลุ่มทุนที่ได้รับผลกระทบก็อาศัยอำนาจเงินที่ตนมีอยู่ทำการขยายความขัดแย้ง สร้างความสับสนและใช้เป็นช่องทางโจมตีรัฐบาล

จ้าวเหว่ย (ซ้าย) กับ Jack Ma (ขวา)

แต่สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งรัฐบาลได้ หากแต่นับตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2021 เป็นต้นมา รัฐบาลจีนกลับเข้าเกียร์เร่งออกกฎหมายในด้านอื่น ๆ ออกมาเป็นซีรีส์ ทั้งด้านการศึกษาที่ต้องให้สถานบันกวดวิชาจดทะเบียนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถมีบ้านของตัวเองได้ จัดการวงการบันเทิงไม่ให้ศิลปินมีอิทธิพลต่อเยาวชนมากเกินไป และ ฯลฯ

กล่าวได้ว่า แต่ละมาตรการที่ออกมานั้น ทางรัฐบาลได้พิจารณาไตร่ตรองมานานแล้ว ดังนั้น เมื่อถึงคราวต้องดำเนินมาตรการ จึงต้องเริ่มลงดาบจากบางองค์กร บางบุคคลก่อน และแน่นอนว่ามันจะต้องส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของบางกลุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนเกิดการตื่นตระหนกและโกลาหล

ทั้งนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เพื่อเอาชนะอิทธิพลที่มองไม่เห็น เพื่อให้ประเทศชาติสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง การลงดาบครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จ้าวเหว่ยในบทบาทขององค์หญิงกำมะลอ

ประเด็นที่น่าจะนำไปสู่วงกว้างคือ ความขัดแย้งด้านความคิดเห็นกับชาวเน็ตจีน คือ เมื่อจ้าวเหว่ยสมคบกับกลุ่มผู้เรียกร้องเอกราชไต้หวันทำให้ชาวเน็ตไม่พอใจและเรียกร้องให้แบนผลงานของจ้าวเหว่ย เลยถูกจ้าวเหว่ยฟ้องร้อง จากนั้นชาวเน็ตก็ขุดคุ้ยเรื่องในเชิงลบของจ้าวเหว่ยออกมาตีแผ่ในเน็ต ก็ถูกจ้าวเหว่ยใช้อำนาจเงินสั่งแพลตฟอร์มทั้งหลายลบโพสต์ทั้งหมด ทำให้ชาวเน็ตเริ่มตระหนักดีว่า เสียงของพวกเขาไม่อาจสู้กับอำนาจเงินได้ ชาวเน็ตก็หันไปโพสต์ในแพลตฟอร์มที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนายทุนอย่าง People’s Daily, Global Times เป็นต้น

เมื่อเจอไม้นี้เข้า จ้าวเหว่ยไม่สามารถที่จะเข้าควบคุมได้ จึงให้ทีมงานทำการตอบโต้ในสื่อต่าง ๆ ด้วยการใช้ปฏิบัติการ IO โดยเผยแพร่ข่าวในเชิงบวกเพื่อกลบข่าวเชิงลบ แต่ชาวเน็ตยังคงไม่ยอมแพ้ ได้ขุดคุ้ยเอาเรื่องกองทุนต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง เช่น One Foundation ของ Alibaba แต่โพสต์เหล่านี้ก็ถูกลบทิ้งอย่างรวดเร็วและคนที่นำเรื่องนี้มาโพสต์ก็ถูกปิดปากโดยถูกปิดบัญชี ส่วนแพลตฟอร์มต่างๆ ตลอดจนสื่อต่างก็ปิดปากเงียบ แม้แต่ในไบ๋ตู้ก็เสิร์ชหาไม่เจอเกี่ยวกับเรื่องนี้

จ้าวเหว่ย (赵薇)

ชาวเน็ตเริ่มตื่นตระหนักว่า การแสดงความคิดเห็นของพวกเขาถูกกลุ่มทุนควบคุมอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เผยแพร่ในเน็ตคือสิ่งที่กลุ่มทุนต้องการที่จะให้คุณรู้ แต่ถ้าเขาไม่อยากให้คุณโพสต์คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะผายลม ดังนั้น เรื่องที่คิดจะขอความช่วยเหลือจากสื่อนั้น เลิกคิดไปได้เลย

ทีนี้ คณะกรรมการกลางสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้ออกมาโพสต์ใน Weibo ว่า “ถ้าสื่อถูกควบคุมโดยอำนาจจากภายนอกแล้ว ก็ถือเป็นลางสังหรณ์สู่การสิ้นชาติ” แต่ในที่สุด Weibo ก็ทานอำนาจทุนไม่ไหว ก็ทำการลบโพสต์ของคณะกรรมการกลางสันนิบาตฯซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับชาวเน็ตเพราะไม่คิดว่าโพสต์ของคณะกรรมการกลางสันนิบาตฯยังถูกลบ เพราะพวกเขาเข้าใจมาโดยตลอดว่า การแสดงความคิดเห็นของพวกเขาจะถูกสอดส่องโดยคณะกรรมการกลางฯ ที่แท้ถูกกลุ่มทุนควบคุมมานานแล้ว

จากนั้น สื่อภายใต้ร่มเงาของ Alibaba ได้ออกบทความเรื่อง “คนที่ถูกลัทธิคลั่งชาติ’จับเป็นตัวประกัน’ไม่ได้มีแค่จ้าวเหว่ย” โดยเจตนาที่จะบิดเบือนกรณีของจ้าวเหว่ยว่าเป็นเพราะกลุ่มชาวเน็ตฮาร์ดคอร์ที่อ้างความรักชาติมาเล่นงานดารา จากนั้น บรรดาเน็ตไอดอล คนเด่นคนดังต่างพาเหรดออกมาร้องประสานเสียงตั้งข้อหาชาวเน็ตที่ออกมาแฉว่า เป็นพวก “ก่อกวน” เป็นพวก “เรดการ์ด (พวกเยาวชนสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมที่ใช้อำนาจศาลเตี้ยพิพากษาฝ่ายตรงข้าม)”

ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ปัญหาเรื่องการเมืองว่าด้วยเอกราชของไต้หวันหรือความรักชาติเท่านั้น หากแต่เป็นปัญหาที่จ้าวเหว่ยกับกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังใช้อำนาจเงินในการปิดปากชาวบ้านไม่ให้มีปากมีเสียง เป็นการประลองกำลังระหว่างอำนาจทุนกับพลังประชาชน ในที่สุดการควบคุมความคิดเห็นของกลุ่มทุนก็ต้องประสบความปราชัย