สหรัฐฯกำลังพ่ายตำรา “สงครามศักดิ์สิทธิ์” ที่ตนให้ทุนจัดทำ?
ความพ่ายแพ้ของกองทัพสหรัฐฯในอัฟกานิสถานอาจเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดชะตาไว้แล้วตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ในทศวรรษที่ 1980 สหรัฐฯเคยจัดทำตำราเรียนที่เต็มไปด้วยความรุนแรงให้กับเยาวชนชาวอัฟกันในช่วงที่สหภาพโซเวียตเข้ายึดครองอัฟกานิสถานเพื่อปลุกเร้าและปลูกฝังจิตวิญญาณการต่อสู้ของชาวอัฟกันรุ่นต่อไปและขับไล่ผู้รุกราน
ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์แจ้งว่า ในปี 1984-1994 รัฐบาลสหรัฐฯได้จัดทำโครงการช่วยเหลือด้านการศึกษาให้แก่นักเรียนในอัฟกานิสถานด้วยเงินทุนทั้งหมด 51 ล้านดอลลาร์ โครงการช่วยเหลือนี้ฟังดูถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ความตั้งใจของรัฐบาลสหรัฐฯ คือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรงและความเกลียดชังให้ฝังอยู่ในจิตใจของชาวอัฟกันรุ่นต่อไป เพื่อขับไล่กองทัพโซเวียตผู้รุกรานและเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน
ตัวอย่างข้อความในแบบเรียนเขียนว่า “จาวาดได้รับปืนไรเฟิลมาหนึ่งกระบอก เขานำปืนไปเข้าร่วมสงครามญิฮาด (สงครามศักดิ์สิทธิ์)” “สงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นหน้าที่ของพวกเขาทุกคน” “โซเวียตคือผู้กดขี่ เราต้องก่อสงครามญิฮาดเพื่อทำลายผู้กดขี่”…
ในด้านของวิชาคณิตศาสตร์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยปรกติแล้วแบบเรียนทั่วไปจะเป็นทำนอง “แอปเปิ้ล 1 ผล” “ไข่ไก่ 2 ฟอง” แต่ตำราสำหรับเด็กอัฟกันนี้กลับเป็น “ปืนไรเฟิล 1 กระบอก” “มีดสั้น 2 เล่ม” “ปืนพก 3 กระบอก” เป็นต้น ในแบบเรียนเต็มไปด้วยภาพของอาวุธต่าง ๆ เช่น ระเบิด กระสุน กับระเบิด และภาพของทหาร ส่วนเนื้อหาจะเป็นการปลูกฝังแนวคิด “ญิฮาด” และต่อต้านการยึดครองของต่างชาติทุกรูปแบบ
ยกตัวอย่างโจทย์คณิตศาสตร์ เช่น “ความเร็วของกระสุนปืน AK-47 คือ 800 เมตร/วินาที นักรบญิฮาดใช้ปืนนี้เล็งไปที่หน้าผากของทหารโซเวียตที่อยู่ห่างออกไป 3200 เมตร กระสุนจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูภายในกี่วินาที” หรือ “ทหารศัตรูมีทั้งหมด 3560 นาย และนักรบญิฮาดได้ฆ่าไป 178 นาย ดังนั้นพวกเขาได้ฆ่าศัตรูไปคิดเป็นร้อยละเท่าไรของศัตรูทั้งหมด”
เคยมีคนคำนวณว่า ใน 100 หน้าของตำราเรียนนี้ จะมี 43 หน้าที่ส่งเสริมความรุนแรงและลัทธิสุดโต่งทางศาสนา ตำราเรียนในลักษณะนี้ อเมริกาได้จัดส่งเข้าไปอัฟกานิสถานผ่านทางปากีสถานไม่ต่ำกว่า 4 ล้านเล่น
ทางทำเนียบขาวแก้ต่างว่าตำราเหล่านี้มีแต่เนื้อหาทางศาสนา และหนังสือดังกล่าว “สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายของสหรัฐฯ อย่างไม่มีปัญหา”
ตามรายงานของสื่อนั้น แผนของสหรัฐฯ ในขณะนั้นถือเป็นเรื่องลับอสุดยอดและผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนนี้คือ CIA ส่วนผู้ให้ทุนสนับสนุนโครงการตำราเรียนคือ USAID จากการเปิดเผยของผู้ที่ร่วมจัดทำในขณะนั้นว่า พวกเขาจ้างนักการศึกษาชาวอัฟกันที่ถูกเนรเทศมาจัดทำหนังสือเรียนเหล่านี้ และใช้ตำราเรียนเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่โรงเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย จากนั้นก็หาวิธีแจกจ่ายให้กับนักเรียนทั่วอัฟกานิสถานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ความคิดของ CIA ในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังเพื่อให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นต่อต้านกองกำลังยึดครองของสหภาพโซเวียตถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะในที่สุด โซเวียตก็ถูกขับออกจากอัฟกานิสถาน แต่ความสำเร็จนี้ดูเหมือนจะ “สำเร็จเกินไป” เพราะช่วงเวลาต่อสู้เพื่อขับไล่โซเวียตนั้นใช้เวลาเพียง 10 ปี และคนที่ได้รับการปลูกฝังความเกลียดชังจากตำราเหล่านี้จริง ๆ เมื่อเติบโตขึ้นแล้วกลับพบว่า ผู้รุกรานจากต่างชาติตามที่กล่าวในตำรายังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากโซเวียตเป็นอเมริกา ดังนั้นด้วยความคิดที่ถูกปลูกฝังมาพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะจับปืนลุกขึ้นต่อสู้ทันที
ในสมัยประธานาธิบดีเรแกนได้พบกับผู้นำกองกำลังติดอาวุธอัฟกันที่ทำเนียบขาวถึงสองครั้ง และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯได้เดินทางถึงค่ายของนักรบเหล่านี้เพื่อให้กำลังใจพร้อมกล่าวว่า “พระเจ้าอยู่เคียงข้างคุณ” ในขณะนั้นชาวอเมริกันคงไม่เคยคิดว่า วันหนึ่ง “นักสู้เพื่ออิสรภาพ” ที่ได้รับแรงบันดาลใจ ขวัญกำลังใจและทุนทรัพย์จากพวกเขาจะหันปากกระบอกปืนมาหาอเมริกันเสียเอง
ที่มา: Washington Post