คว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาว กรุงปักกิ่ง
เมื่อวันที่ 29 กันยายน คณะกรรมการโอลิมปิกสากลได้ประชุมกำหนดนโยบายการป้องกันและควบคุมการโรคระบาดในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่ง ซึ่งจะแตกต่างจากโตเกียวโอลิมปิกที่ไม่ให้มีผู้ชมเลย โดยโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่งจะไม่ขายบัตรเข้าชมให้กับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่จะขายบัตรให้กับผู้ชมในประเทศที่ตรงตามข้อกำหนดการป้องกันและควบคุมการโรคระบาดเท่านั้น

ทั้งนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์และสร้างความมั่นใจนโยบายดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนได้จัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี โดยมีนักกีฬาเข้าแข่งขันประมาณ 12,000 คน และมีผู้เข้าชมประมาณ 380,000 คนโดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้ และหลังจากปิดการแข่งขันแล้ว ไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว สื่อเยอรมัน Frankfurter Allgemeine Zeitung-FAZ กล่าวว่า “การแข่งขันกีฬาแห่งชาติถือเป็นการทดสอบครั้งสำคัญที่สุดก่อนการเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง เป็นการส่งสัญญาณว่า ในยุคโควิด-19 นี้ จีนมีความสามารถในการจัดงานขนาดใหญ่ได้”
ส่วนนักการเมืองและสื่ออเมริกาได้เรียกร้องให้บอยคอตการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งมาโดยตลอด โดยใช้ปัญหาสิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้าง และครั้งนี้ก็ไม่ยอมลดละเช่นกัน โดย Washington Post ได้ลงบทความว่า “การส่งนักกีฬาอเมริกันไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งถือเป็นเรื่องไม่ปลอดภัยและไม่ฉลาด (Sending Americans to the Beijing Winter Olympics is unsafe and unwise)” โดยเห็นว่าการเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งนั้นเป็น “ทั้งความเสี่ยงด้านสาธารณสุขและความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์” ด้วยเหตุผลว่า นักกีฬาจะมีโอกาสติดเชื้อโควิดมากขึ้น
อีกเหตุผลหนึ่งที่ Washington Post นำมาอ้างนอกเหนือจากความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดแล้ว ก็คือ รัฐบาลจีนจะใช้โอลิมปิกฤดูหนาวเป็นเครื่องมือในการ ‘โฆษณาชวนเชื่อ’ ว่า รูปแบบการปกครองแบบสังคมนิยมของจีนเหนือกว่าทุนนิยมของตะวันตก