DJI เหยื่อรายต่อไปหลังจาก Huawei

เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท CAPE ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำด้านธุรกิจเกี่ยวความปลอดภัยสาธารณะและเป็นผู้จัดหาอากาศยานไร้คนขับ หรือ Drone ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐได้ประกาศยุติความร่วมมือกับ DJI ผู้ผลิตโดรน (Drone) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกจากประเทศจีน โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดรวมถึง 80% ทั่วโลก โดย CAPE ให้เหตุผลอย่างที่เราคุ้นๆกันอยู่คือ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง”

การประกาศยุติความร่วมมือครั้งนี้ โฆษก DJI กล่าวว่ารู้สึกผิดหวัง แต่จะไม่ส่งผลกระทบกับความร่วมมือและการให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานและองค์กรเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยสาธารณะ 520 แห่งทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ DJI อยู่

CAPE เป็นบริษัทผู้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ (SDK) ที่ใช้กับโดรนของ DJI และเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการข้อมูลและแพลตฟอร์มคลาวด์เซอร์วิส โดยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา CAPE ได้แจ้งกับลูกค้าที่จะซื้อโดรนใหม่ทุกรายว่าจะยุติจำหน่ายโดรนของ DJI โดยให้ลูกค้าหาซัพพลายเออร์รายอื่นแทน ซึ่งมีเพียงรายเดียวที่สามารถให้บริการด้านนี้ได้คือ Skydio Inc.

เหตุผลด้านความปลอดภัยนั้น คงจะเหมือนกับที่ใช้อ้างกับการแบนหัวเหว่ย และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทาง DJI ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยกระทรวงมหาดไทยสหรัฐได้แถลงเมื่อวันที่ 12 ว่า ทางกระทรวงฯได้ทำการทดสอบและตรวจสอบโดรนของ DJI สองรุ่นจำนวน 1245 เที่ยวบิน (เป็นเวลา 538 ชั่วโมง) และไม่พบข้อมูลรั่วไหลแต่ประการใด นอกจากนั้น ทาง DJI ยังจะออกโดรนรุ่นพิเศษที่ไม่มีระบบการสื่อสารอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็น Special version สำหรับใช้กับหน่วยงานราชการของสหรัฐโดยเฉพาะ และยังจะตั้งโรงงานในสหรัฐเพื่อผลิตโดรนเวอร์ชั่นนี้ในอเมริกาอันเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนด้วย ดังนั้น การที่แบน DJI ด้วยข้อหาความมั่นคงจึงเป็นการขัดแย้งกับสิ่งที่แถลงก่อนหน้าไม่กี่วันอย่างสิ้นเชิง

ภาพจากอินเทอร์เน็ต ลิขสิทธิ์ภาพเป็นของเจ้าของภาพนั้นๆ